ค้นหาบล็อกนี้

วันพฤหัสบดีที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ร่ายสยามเสื่อมมนต์


ไพร่ฟ้าสิหน้าใส บ่ทันไรหน้าเศร้า พวกหูเบาระราน ด้วยหมู่มารระเริง

ขึ้นเถลิงอำนาจ แล้วประกาศอำนวย ว่าจะช่วยกู้ชาติ จะสามารถกู้ชน

ให้หลุดพ้นบ่วงบาศ ที่ผูกคาดเบื้องบน ประชาชนเปนใหญ่ บ่มิให้เปนเหยื่อ
จะจุนเจือสังคม บ่มิจมสงคราม ให้ติดตามตัวการ พวกสันดานตัวโกง

มาเข้าโลงส่งเผา พาไปเข้าเมืองผี ให้คนดีมาแก้ พระคุณแม่มาก่อ
มารมาขอเบิกทาง คิดคำอ้างบ่ทัน จึ่งหุนหันดำเนิน บ่ขัดเขินเดินนำ

มารระยำได้ที โอกาสมีได้ท่า จึงบ่ายหน้าเข้าเมือง ใส่สีเหลืองเข้ามา
อวิชชาชักนำ ความระยำนำชัก เข้าหาญหักก่อการ วิชชามารก่อกวน

ยกขบวนทัพใหญ่ จะตีให้ย่อยยับ ผู้บังคับบัญชา แอบหลังฟ้าบัญชร
สั่งไล่ต้อนเหล่าคน ไปปะปนเหล่าควาย ดูคลับคล้ายคลับคลา ฝูงหมาบ้าคลาคล่ำ

เหล่าแกนนำพันผ้า คอสีฟ้าพันผูก สมอ้างถูกเกื้อหนุน เปนผีบุญหนุนเกื้อ
เป็นหน่อเนื้อบุตรเขย อีกกระเทยขันที อีกภูตผีอาจารย์ วิชชาการอาจม

สาวสังคมไฮโซ พวกอวดโอ่ไฮซ้อ เข้ามาขอร่วมวง ช่วยเสริมส่งราวี
อีกผู้ดีตีนแดง ชอบตะแคงตีนเดิน เป็นส่วนเกินสังคม แลชมรมสังคัง

เหล่าเง่างั่งสาวก พวกคิ้วดกสวะ ปลอมเปนพระนอกธรรม พวกระยำนักเทศน์
พวกผีเปรตขอบุญ แล้วอ้างคุณขัดบาป ทั้งแมงสาบบินว่อน ช่วยเห่าหอนวนเวียน

อีกหัวเกรียนขุนพล เที่ยวดั้นด้นขอพิง เพียงแอบอิงผ้าถุง คงยิ่งยุ่งผ้าแถบ
เปนอีแอบหลบลี้ ใช้สตรีหลบหลัง ออกคำสั่งใช้คน เดินถนนเช่นควาย

ออกไปตายเบื้องหน้า ได้ชื่อว่าบุญหนัก เปี่ยมด้วยรักในชาติ วิปลาสในชน
เพียงหวังผลแก่ตัว รู้ดีชั่วก็ตาม บ่หักห้ามกิเลส ด้วยถือเพศกาลี

ยกเป็นวีรชน ไปปะปนชะนี เป็นเพียงผีโง่เง่า ที่มัวเมางมงาย
จึ่งต้องตายบ่รู้ คนแลดูบ่รับ บ่มินับบ่มิถือ ยังดึงดื้อแถไถ

ก็สมใจในหมู่ ที่สมสู่นานมา เมื่อชาตาเมืองขาด ศาลประกาศหมายเข้า
จะถอนเสาแห่งรัฐ ปฏิวัติหาเรื่อง ให้บ้านเมืองวุ่นวาย จะกลับกลายวกวน

จลาจลป่วนปั่น บ่มิทันปกป้อง จึงจำต้องยินยอม ด้วยใจน้อมยึดโยง
หวังจรรโลงประเทศ สิ้นอาเพศประทัง ด้วยเพียงหวังชะลอ ไพรีขอชักรบ

ยอมสยบโดยดี บ่คิดมียืดเยื้อ เงาดาบเงื้อฟาดฟัน รุกโรมรันฟันฟาด
ด้วยอำนาจสมมุติมาร เชิงชาญชั้นเทวา เหยียบเมฆาละลิ่ว พระพายพลิ้วละล่อง

ใจจับจ้องทวยราษฎร์ สีหนาททำลาย ด้วยมุ่งหมายเอาคืน จะกัดกลืนอังคาร
พิสดารล้ำเลิศ สุดประเสริฐเลิศหล้า ใช้วิชชาหลังม่าน พิสดารผ่านสาย

เข้าสลายอื้ออึง ไพร่คิดบ่ถึงอึงอื้อ ด้วยใจซื่อเปนสัตย์ ใจร้อยรัดสัตย์เปน
บ่มิเห็นแก่ยาก แม้ลำบากมิย่อ บ่คิดขอตีจาก บ่คิดพรากผิว์ตาย

บ่คิดหน่ายถ่ายถอน ยังไหว้วอนถ้วนถิ่น ดั่งองค์อินทร์มาโปรด อวยประโยชน์หมายปอง
ได้ครอบครองกรุงไกร ได้เปนใหญ่เกริกเกียรติ แม้นขึ้งเครียดบ่มิกล้า ชนทั่วหล้ามักเกรง

บ่กร้าวเก่งประชัน ผูกใจมั่นประชา ด้วยปัญญาบรรเจิด ผู้เปนเลิศบรรจง
ผู้ดำรงคุณธรรม เปนผู้นำความดี สร้างศักดิ์ศรีล้ำเลิศ ไพร่ทูนเทอดเลิศล้ำ

ไพร่ผู้ต่ำติดดิน บังอาจบินติดดาว ทุกย่างก้าวมั่นคง ด้วยประสงค์คงมั่น
จะพลิกผันชาตา เพื่อประชาชาวไต มีสุขใจถ้วนหน้า ด้วยวิชชาการเมือง

ผู้ปราดเปรื่องเปนเอก ต้องมนต์เสกเปนเอี้ย เหล่าโลมเลียเปนใหญ่ นับจังไรเปนญาติ
คนสามารถโดนขู่ คนรอบรู้โดนข่ม คนชื่นชมปกป้อง คนเน่าหนองปกปิด

บ่เคยคิดปัญหา รื้นน้ำตาไป่เห็น มักแต่เล่นรุ่มรวย อาภรณ์สวยเริ่ดหรู
บ่แลดูบ่าวไพร่ พอขัดใจบ่นพาล สิทำการเอาหน้า สิทำท่าอางขนาง

เข้าขัดขวางคนจน บ่ให้ยลความจริง ทุกทุกสิ่งล่อหลอก เฝ้ากลับกลอกหลอกลวง
ด้วยแหนหวงอำนาจ บ่มิอาจอำนวย บ่มิช่วยแท้จริง ที่พึ่งพิงจริงแท้

ไว้ทุกข์แด่สยาม ที่เสื่อมทรามสุดยื้อ คำร่ำลือเมืองเทพ เคยสุขเสพย์เมืองทอง
มนต์นั้นพร่องเสื่อมคลาย ด้วยความหมายสั่นคลอน จะไหว้วอนห่อนเห็น เหลือกากเดนหื่นเหียน

กองอาเจียนท่วมนอง ล้นข้ามท้องทำเนียบ ควายย่ำเหยียบชื่นชม แมงสาบดมชมชื่น
กระบอกปืนเปนใหญ่ คนด้านได้เปนเยี่ยม เหล่าสื่อเสี้ยมจังไร ขอชาวไพร่จำเริญ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น