ค้นหาบล็อกนี้

วันจันทร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2554

ก็เอาเถอะ

    • นี่ก็รูป นั่นก็รูป โน่นก็รูป
    • ต้องจุดธูปจุดเทียนถวายทั่น
    • ต้องอวยชัยให้ยืนยงคงกระพัน
    • อมตะนิรันดรเป็นอัตตา

    • นี่ก็ป้าย นั่นก็ป้าย โน่นก็ป้าย
    • สื่อความหมายมุ่งมาดปรารถนา
    • ที่เคารพนบนอบเนิ่นนานมา
    • สักการบูชากว่าสิ่งใด

    • นี่ก็ภาพ นั่นก็ภาพ โน่นก็ภาพ
    • ให้รับทราบ นี่ต้องกราบ นั่นต้องไหว้
    • จงค้อมหัวค้อมตัวแลค้อมใจ
    • มายาภาพฉาบไว้อย่าได้เลือน

    • นี่ก็เสียงนั่นก็เสียง
    • ถ้อยจำเรียงวาจาหาใดเหมือน
    • สารพันตลอดวันตลอดเดือน
    • ที่ย้ำเตือนต้องทำดีมีศีลธรรม

    • นี่ก็รัก นั่นก็รัก โน่นก็รัก
    • เห็นประจักษ์แจ้งใจให้สุขล้ำ
    • ช่วยผัดผ่อนร้อนคลายหายระกำ
    • เบื้องหลังม่านสีดำเหนือแดนดิน

    • นี่ก็โปรดนั่นก็โปรดโน่นก็โปรด
    • มิเคยแกล้งกล่าวโทษผู้ใดสิ้น
    • มีมหาเมตตากว่าพรหม อินทร์
    • ไร้มลทินแม้เพียงเถ้าธุลี

    • ปวงมหาประชาชนบนโลกหล้า
    • เทพยดาพร้อมใจในวันนี้
    • ใต้พิภพบาดาลสดุดี
    • อย่าให้มีผองภัยมาแผ้วพาน

    • อายุยั่งยืนยงอสงไขย
    • มหาทรัพย์นับได้หลายโกฏิล้าน
    • สิ่งประสงค์จงสมหวังดั่งบันดาล
    • ครองสมบัติพัสถานตลอดกาลนานเทอญ....สาธุ

วันศุกร์ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2554

กากกวี Extended Version

แด่ผู้พี่ กวีทอระราด
ที่ใจเบาเขลาขลาด
หลงกิเลสระเริงรื่น
ประชาธิปไตย
ภายใต้กระบอกปืน
ยอมหลับมิยอมตื่น
ยอมฝ่าฝืนกติกา

..........................................................................................................................................................................................................


แค่เขียนกลอนหากินบนกองเลือด
แผ่นดินเดือดไพร่ด่าวดิ้นดินหม่นไหม้
อุดมกินในบทกลอนสะท้อนใน
ความจริงใจในสังคม อุดมปัญญา


เอาชื่อเสียงมาสมสู่คู่ทรราช
ป่าวประกาศศักดิ์ศรีที่ไร้ค่า
แลกเศษเบี้ยบนกองบาปคราบน้ำตา
แห่งทาสไพร่ที่ไห้หาประชาธิปไตย


ใช้ชั้นเชิงชำนัญพยัญชนะ
มาสังวาสกับสระแล้วสอดไส้
วรรณยุกต์แยบคายให้ตายใจ
เป็นบทกลอนสะท้อนไพร่ทรยศ


ด้วยหลายหลากมากลีลาพาให้หลง
เมืองนี้คงรุ่มรวยด้วยขบถ
เหล่าทาสไพร่คงพร้อมใจกันคิดคด
เพื่อจะปลดโซ่ตรวนที่ตีตรา


เอ็งก็ไพร่แล้วไฉนไร้ความคิด
ว่าชีวิตทาสไพร่ในวันหน้า
จะอยู่ใต้อุ้งตีน อมาตยตา
ลูกหลานเอ็งลูกหลานข้า...หรือเป็นไท?


กากกวีศรีสยามนามอุโฆษ
ได้ตอบโจทย์สังคมไทยแล้วใช่ไหม?
หรือแค่ กิน-เกียรติ-กาม ตามแต่ใจ
ข้ายกให้ กากกวีใต้ขี้ตีน


.......................................................................................

กากกวีที่เลอะเลือนเปื้อนกิเลส
รจนาอาเพศเศษอักษร
กระซ่านเสียวเลี้ยวลดเป็นบทกลอน
ขึ้นเห่าหอนโหยหวนชวนคนฟัง


ศิลปินแห่งชาติอุบาทว์นัก
ติดชนักความเชื่อเมื่อหนหลัง
ร่ายบรรเลงเพลงโศลกด้วยเสียงดัง
ควายก็นั่งเคี้ยวเอื้องชำเลืองมอง


อักษรเลอะเกรอะกรังยังเกลือกกลั้ว
ใจร่านรนหม่นมัวมือหม่นหมอง
ถ่มน้ำลายแทนน้ำหมึกไม่ตรึกตรอง
ควายแซ่ซ้องสรรเสริญส่งเสียง ..มอ..


กวีใหญ่ให้คึกใจฮึกเหิม
จึงแต่งเติมลำนำตามคำขอ
กิเลสโลภหลงใหลไม่เคยพอ
ยินคำยอจากควายคล้ายคำคน


.................................................................................

แสนสมเพศเวทนานิจจาเอ๋ย
ช่างแกร่งกล้ากระไรเลย ”กวี” หรือ?
เห็นเอ็งร่ำสุราทำตาปรือ
หัวขมองคงตื้อบ้างคงตาย


ก้อนความคิดติดขัดตัดไม่ขาด
เอ็งรับใช้อำมาตย์ จนหยาดสุดท้าย
ไข่มุกบนจานหยก ตกกระจาย
สมบัติชิ้นสุดท้ายที่ขายกิน


อะโห! ถ่องทัศนวิสัย ในภาพหลอน
ดั่งนกแก้วเกาะคอน คะนองลิ้น
ในกรงขังผูกคาดมิอาจบิน
เอ็งหมดสิ้น ซึ่งรูปนาม “ความเป็นไท"


ยังอวดอ้างโอ่อ่าว่ายังสู้
เอ็งไม่รู้ว่ายืนอยู่บนพื้นไหน
ไม่รู้หรือว่าเอ็งยืนผืนดินใด
เอ็งเป็นไพร่ ยอมอยู่ใต้ขี้ฝุ่นตีน

.................................................


ก้อนสมองสองข้างทั้งซ้ายขวา
ชั่งน้ำหนักพิจารณา ว่าไม่ใช่
กิเลสโลภชักนำถลำไป
อัตตากูผู้ยิ่งใหญ่ไร้เทียมทาน


ทุกอักษรพรางสีกูดีเลิศ
แสนประเสริฐสมคำลือคำเล่าขาน
ศิลปินแห่งอักษรเจ้ากลอนกานต์
ทั้งโองการ โคลง ร่าย ฉันท์ กาพย์ กลอน


ที่เขียนมาห้าหกปี มีบ้างไหม
เพื่อประชาธิปไตย ใช่เห่าหอน
เพื่อเสรีแห่งทาสไพร่ในนาคร
ความเท่าเทียม ถูกตัดตอน ต้องตกตาย


ขอโทษที ที่เอ็งเขี่ย มิได้เขียน
แค่ลำบากพากเพียร บนความง่าย
ใช้ศัพย์แสงดัดจริตทำกรีดกราย
ที่เลวร้าย คือทัศนะ กากกวี


............................................................................

เราผู้หยัดอยู่สู้พาล บ่เจียมสังขาร
คุยโวโอ่อ้างอวดดี

ข้อยสิฮากกากกวี แหกนรกอเวจี
ต่ำช้าตลบแตลง

ควายบ่สงสัยเคลือบแคลง เว้นคนเสื้อแดง
ตาสว่างถ้วนกลางใจ

รู้เห็นว่าเป็นเช่นไร เปลือกสวยผ่องใส
ไส้ทุกขดบูดเน่าเหม็น

ทุกสิ่งอย่างที่เกิดเป็น มิใช่ที่เห็น
หลอกแค่คนโง่งมงาย

บัดนี้คงเหลือน้อยราย เพียงฝูงงัวควาย
บ่มิเห็นซึ่งปัญญา

ยินฟังอ่านโฆษณา ด้วยหูด้วยตา
ปรุงจิตเคลิ้มขี้นโดยพลัน

บทกวีจะมีวัน เกิดค่านับอนันต์
มิเพียงเป็นอักษรสวย

เฝ้าฝันถึงแต่ความรวย ประโยชน์อำนวย
ได้ศักดิ์เป็นแค่กากกวี

......................................................

@ คือเราผู้หยัดขัดขืน
โขมดมารพล่านกลืน
เขมือบโขมงโกงกิน

@ คือเราผู้สู้บมิสิ้น
คือดาวคือดิน
คือไทยผู้คงใจไท!

..................................................

เห็นคำโอ่อวดอ้างเขียนอย่างนี้
หลอกว่ามีอุดมการณ์อันแกร่งกล้า
ที่หยัดยืนฝืนสู้อยู่นานมา
สบประมาทปัญญาประชาชน

มิอาจเว้นแม้นจะเป็นพี่ผู้ใหญ่
แล้วศักดิ์ศรีอยู่ที่ไหนไม่เห็นหน
ใช้เพียงเส้น ศิลปิน มาปลอมปน
มิใช่คนที่คิดว่าจะเป็นคุณ

จะเคียงข้างเผด็จการก็เคียงข้าง
เสรีภาพเบาบางดั่งปุยนุ่น
ก็เห็นชัดอำมาตย์มาค้ำจุน
อีกนายทุนธนาคารที่ผ่านฟ้าฯ

ทุกบทที่กากกวีกระแดะเขียน
ขอบอกว่าอยากอาเจียรพระเจ้าข้า
ไร้ซึ่งความจริงใจไร้ราคา
ขอบอกว่ามิอาจปล่อยให้ลอยนวล

..................................................


หากความคิดถูกครอบในกรอบแคบ
ก็ยังแอบเคลื่อนไหวในกรอบขัง
จะแลไหนด้วยรอบด้านมีม่านบัง
กวียังเยาะหยันด้วยมั่นใจ

เมื่อความคิดถูกขังและถูกครอบ
ต้องติดกรอบกติกาแห่งข้าไพร่
แล้วยกเยินสรรเสริญเพลินกันไป
คงจะได้ “กากกวี” สีอำพัน

เมื่อความคิดอิสรภาพถูกขึงพืด
กลอนก็ฝืดฝากสำเนียงเพียงความฝัน
ไร้ซึ่งความสมจริงทุกสิ่งอัน
แค่ขยันตักน้ำปั้นมาเป็นตัว

พื้นความคิดหลงผิดจึงติดกับ
กลอนที่ขับกาพย์ที่ขานประจานทั่ว
สร้างเนื้อหาให้เร่งเร้าด้วยเมามัว
ยังหลงตัวหลงตนด้วยอัตตา

พยัญชนะลากสระ มาประสม
ได้เพียงลมลอยไปไร้คุณค่า
มิได้แต่งมิได้เติมเสริมปัญญา
เป็นเนื้อหาจอมปลอมที่ไร้ใจ

สมนามนี้ “กากกวี” ศรีสยาม
ที่หลงตามเป็นทาสทุนเขาขุนไว้
ขออย่าอ้างโอ่ถึง “อธิปไตย”
“กากกวี” นั้นมิใช่ “เสรีชน”

........................................

แลหัวโขนที่ครอบ ดูคร่ำคร่า
เห็นแววตามืดมนดูหม่นหมอง
รัตนโกสินทร์สิ้นกวีที่เรืองรอง
กวีทองกวีแก้ว สิ้นแล้วฤา

พยัญชนะฉุดสระ มาสังวาส
ป่าวประกาศว่ากวี ที่นับถือ
บอกสาระซ่อนเร้นสร้างข่าวลือ
หวังยึดยื้อความจริงดิ่งนรก

ใช้บทนำกำกวมดูเก่งกล้า
ประกาศท้าว่าจะสู้สิ่งสกปรก
โขมดมารขวางหน้าจะท้าชก
แค่ยอยกตัวตน คนเชื่อก็ควาย

คงสิ้นซากทิ้งกากไว้เกลื่อนกล่น
ขายสิ้นความเป็นคนและความหมาย
อุดมการณ์อุดมกินกันวอดวาย
สะกดคำ ว่า "อาย" ไปเป็น "อวย"
.................................................





ชั่ว-ผิด-บาป-เลว-ร้าย-กักขฬะ-โฉด-พาล

เห็นคนชั่ว ถูกเชิดชู…ชั่วชีวิต
เห็นคนผิด เผยอหน้า มาสั่งสอน
เห็นคนบาป ก็กราบไหว้ ไม่อนาทร
เห็นคนเลว ก่อสันดอน...ตามสันดาน


เห็นคนร้าย รุ่งเรือง ในเมืองพระ
คนกักขฬะ อ้างว่าสม พรหมวิหาร
เห็นคนโฉด ต่ำช้า แสนสามานย์
เห็นคนพาล ผลาญเมือง มอดมลาย


เห็นคนชั่ว ถูกชมชื่น ยืนเชิดหน้า
เห็นคนผิด ริษยา อาฆาต หมาย
เห็นคนบาป บุญกำบัง ยังไม่ตาย
เห็นคนเลว ซ่อนลาย กลับกลายพันธุ์


เห็นคนร้าย เริงร่าน ระริกร่า
คนกักขฬะ กลับบูชา ยกแยกชั้น
เห็นคนโฉด ยังทำชั่ว เช่นทุกวัน
เห็นคนพาล บนสวรรค์..........นั่นหรือเทวดา?

...............................................................

บนความเสื่อม...........

@บนความเสื่อมที่สุดเจียนจะสาย
ประตูคิดปิดตายแล้วตอแหล
แลเห็นทุกข์ไม่สะเทือนทำเชือนแช
สังขารแท้ ทรุดเสื่อมไปไม่จีรัง


@บนความเสื่อมที่สุดยังสรรเสริญ
อาการเกินจะเยียวยาเกินหยุดยั้ง
ยินสำเนียงเสียงก่นแช่งด้วยชิงชัง
แสร้งว่ายังมีหวังเช่นวันวาน


@บนความเสื่อมที่สุดไม่สำเหนียก
ยังร้องเรียกร้อนรนทุรายร่าน
ใต้ศักดิ์ศรีที่สั่งสมมานมนาน
กระทำการใดใดไม่ไตร่ตรอง


@บนความเสื่อมที่สุดยังฉุดลาก
เพราะคุ้นเคยความอยาก เกินปากท้อง
บนกิเลสรองรับประดับทอง
ฤาจำต้องด้านหน้ามาแก้ตัว


@บนความเสื่อมที่สุดยังฉุดรั้ง
ประดุจดังเมฆหม่นมืดสลัว
ปัญญาเบาเขลาขลาดเริ่มหวาดกลัว
เปิดความเลวความชั่วรู้ทั่วไป


@บนความเสื่อมที่สุดเกินหยุดยั้ง
คนได้ยินได้ฟังชั่งใจได้
ว่าไหนดี ไหนเลว เป็นอย่างไร
จะแก้ไขเพียงลมปากยากเหลือเกิน


@บนความเสื่อมที่สุดหยุดไม่อยู่
ความรับรู้เพียงแม้แค่ผิวเผิน
เมื่อเสื่อมสิ้นศรัทราหมายังเมิน
กระเสือกกระสน บนทางเดิน.....แต่เดียวดาย



@เมื่อแลหลัง...ไร้ฉากอันฉาบฉวย
เบื้องหลังความร่ำรวยเริ่มเลือนหาย
เมื่อแลหน้า...ยินลำนำแห่งความตาย
สิ่งสุดท้ายตามติดกายคือ บาป-บุญ

ขออนุญาต..........ถุย..........

๏ ถุยใส่ความชอบธรรมที่ดำดิ่ง
สังคมไทยถูกทอดทิ้งทำลายสิ้น
เสรีภาพลมโชยเริ่มโบยบิน
แล้วส่งกลิ่นประชาธิปไตยให้สยอง


๏ ถุยใส่ความชอบธรรมวัยกำดัด
เมื่อลมเพลมพัดอกกลัดหนอง
ถุยถ่มซ้ำกิจกรรมการปรองดอง
มิสำเหนียกเสียงเรียกร้องผู้ยากไร้


๏ ถุยใส่ความชอบธรรมในสำนึก
เมื่อความคิดตกผลึกจึงผลักไส
ที่-อยู่-เป็น-เห็นคนไทยมิใช่ไท
ลวงลมปากกระชากใจได้มากล้น


๏ ถุยใส่ความชอบธรรม , สมน้ำหน้า
เที่ยวเล่นหูเล่นตาหาเหตุผล
ท่ามกลางเมืองอุตริ-พิการพิกล
ทั้งเบื้องล่างเบื้องบน มีเบื้องหลัง


๏ เร่เข้ามาปรากฏกายแล้วบ่ายหน้า
หลงอยู่ในมายาแค่ขาหยั่ง
ภาพอันแสนวิเศษทุเรศทุรัง
แท้เพื่อผุดยุดยังใช่ยั้งคิด


๏ ปรารถนาสูงส่งทรงกับทรุด
หลังซากปรักชำรุด, วิกลจริต
เขียนประวัติศาสตร์ระยะสั้นกระชั้นชิด
คลุมปกความมืดมิด พลาด-ผิด-เพี้ยน


๏ ถุยใส่แผ่นดินทองเถิดผองเพื่อน
หัวใจผู้มาเยือนยังคลื่นเหียน
เจ้าขุนทองมาปล้นกฎมณเฑียร ฯ
ศักดินามาเปลี่ยนเป็นปล้นทรัพย์


๏ เอาเหอะความโอหัง , เชิญฝังราก
เมืองคงเหลือเพียงกากความสับปลับ
จริยธรรมเป็นง่อยและย่อยยับ
ตาหนึ่งตื่นตาหนึ่งหลับกับหลักฐาน


๏ ถุยใส่ความชอบธรรม , ที่ย้ำคิด
ด้วยมโนสุจริต, เดรัจฉาน
ขุดหลุมฝังความรักความดักดาน
ซากวิจารณญาณแห่งสยาม


๏ ถุยใส่ความสูงส่งอันทรงค่า
ความต่ำช้างามงด.....หมดคำถาม
ยุคสมัยลงเหวความเลวทราม
หรือมันง่ายงดงามในสำนึก ?

..........................

ขออภัยที่ตั้งใจไม่สุภาพ
ความชอบธรรมอย่างหยาบน่าเย้ยหยัน
ยึดโยงกับหลักการดั่งม่านควัน
วาทกรรมรังสรร ปั้นน้ำเป็นตัว


ยุติการกระทำ ธรรมยุติ
แล้วจึงติจึงบ่นคนไปทั่ว
รับสัญญาณ สัญญา ตามืดมัว
ใช้ความกลัว กดขี่แล้วปกครอง


แล้วอวดอ้างเทวามาอุ้มสม
เรียกนิยามนิยมชนทั้งผอง
ยกอำนาจบาตรใหญ่ ให้ปรองดอง
ทำขนพองหูตั้งชัน ดั่งพันธมาร


ชีวิตไพร่สิ้นไปจึงไร้ค่า
มิเปรียบปานผีบ้า เหล่าทหาร
อวยยศถาใบ้บ้าอลังการ
เป็นผลงาน สังหารประชาชน


ยุติความเป็นธรรม โดยกำหนัด
สารพัดเลวทรามความฉ้อฉล
แล้วยักย้ายถ่ายเทด้วยเล่ห์กล
เกินจะทน จึงขอ...ถุย... สักล้านที

....................................................

ขยายความแตกแยกแตกเป็นเสียง
ยุติ-ธรรมลำเอียงเพียงพวกพ้อง
แล้วแอบอ้างความชอบธรรมตามครรลอง
จะมัดมือปรองดองด้วยดึงดัน

เมื่อป้องปราบกำราบแล้วก็เริงร่า
ทำทีว่าต้องการสมานฉันท์
ยังไล่ล่าเหล่าไพร่ได้ทุกวัน
ที่จับไปไม่ประกันอ้างก่อการ

สร้างหลักฐานพยานเท็จมาทำร้าย
ไพร่ก็คนมิใช่ ค ว า ย นะคุณท่าน
ความชอบธรรมที่ถือในมือมาร
สร้างสันดอนด้วยสันดานมาก่อกวน

ถุยให้ความปรองดองเถิดน้องพี่
ปฏิรูปกันป่นปี้ปี ปฏิร่วน
แตกประเด็นเป็นน้ำลายแล้วตีรวน
ควรมิควรจะขอถุย... อีกร้อยที

............................................

ขออนุญาต ถุย
ให้กับผลการพิณาของศาล

บันทึกเป็นประวัติการณ์
ประวัติศาสตร์แห่งชาติ ตอแหลแลนด์

โอ้มหานครเมืองแมน
โป้ปดตอหลดมาทดแทน สัตย์ซื่อถือธรรม

แมงสาบร่านระยับระยำ
เริงร่าร้องรำบำ ระเบียบบิดเบือน

ผู้ดีขี้ครอกขี้ข้าไพร่ให้ย้ำเตือน
กฎหมายเป็นเสมือน เครื่องมือผุพัง

..................................................

ถุยใส่ความ ยุติ-ธรรม สิ้นสำนึก
ถุยใส่ความรู้สึกแห่งขี้ข้า
ถุยใส่ความพินิจพิจารณา
ถุยใส่ความมายาตุลาไทย

มาสร้างกฎสร้างกรอบด้วยรอบรู้
ลีลานั้นชั้นครูรีบแก้ไข
ใช้ความด้านดึงดันยันเข้าไป
พวกทาสไพร่มันคงไม่มารู้ทัน

พวกมันจนทนทุกข์แลรันทด
ข้าวก็อดกินไม่อิ่มอยู่อย่างนั้น
มันมิได้กินข้าวขาวๆกัน
โง่และรั้นมันคงไม่ ได้นอนเตียง

ก็ไม่ให้ใครรู้พวกกูผิด
กูจึงบิดกระบวนใหม่ให้สิ้นเสียง
ก็ไม่ให้ใครรู้ กูลำเอียง
เรื่องหมูๆ กูก็เพียง ยกคำร้อง

........................................


สว่างทั่วปฐพี

.........เสียงลือเสียงเล่าอ้าง…................อันใด
ฤาห่อนสู้ความนัย.................................ถ่องแท้
คราสว่างตาใส.....................................ทั่วถิ่น ปฐพี
เสื่อมทรุดเกินกล่าวแก้..........................ยากล้ำ เกินใด


.........ยังเพียรบากบั่นสู้.........................เอาคืน
หมายว่าอาญา-ปืน...............................กอบกู้
หวังคงที่หยัดยืน...................................กามเกียรติ กิเลสแฮ
ผีห่าซาตานไซร้....................................ส่งเข้ากินเมือง


.........เออออห่อหมกไหม้…..................คาเตา
ควันตลบตะแลงบังเงา..........................หลบหน้า
กระซิบส่งเสียงบางเบา.........................คอยบอก
ช้างเผือกเหยียบรากหญ้า.....................แหลกสิ้น สลายเสียง


.........วางรั้ววางขอบทั้ง........................อำเภอ
ใครอย่าเสือกเสนอ...............................ป่าวร้อง
เบี้ยบ่าวอย่าเผยอ.................................ครวญคร่ำ
มึงบ่แม่นพี่น้อง....................................ต่ำเตี้ย ติดตีน


.........อาณาเขตแห่งผู้...........................ซงทำ
ใครอย่ายุ่มย่ามระยำ..............................บ่นบ้า
จักกล่าวโทษทัณฑ์กรรม.......................แก่เจ้า
มือเปล่าปัดแผ่นฟ้า...............................ห่อนสู้ กด-หมาย

พี่น้องเอ๊ยยยยยยยยยย..........มอออออออออ..........

พี่น้องเอ๊ยยยยยย. . . . . มอออออออออ
คงต้องขอด้วยความยากลำบากแสน
เราต้องใช้เงินทุนทวงดินแดน
เราขาดแคลนกำลังคนกำลังเงิน


พี่น้องเอ๊ยยยยยย. . . . . มอออออออออ
ลุงป้าน้า อาก็ขอ อย่าขัดเขิน
ซิ้มข้างหน้า อย่าขวางหลีกทางเดิน
อย่านั่งเพลินนะพี่น้องต้องช่วยกัน


พี่น้องเอ๊ยยยยยย. . . . . มอออออออออ
คำสรรเสริญเยินยอแล้วปอปั้น
เสบียงใหญ่เราอยู่ได้อีกหลายวัน
มาสู้อย่างสร้างสรรถึงวันตาย


พี่น้องเอ๊ยยยยยย. . . . . มอออออออออ
อย่าทดท้อถึงเวลาอย่าหนีหาย
ด้วยพี่น้องทุกคนทนอย่างควาย
อันเงินทองของนอกกายจ่ายๆมา


มออออออออออออออออออออออออออ
ไม่อยากขอแต่ความจริงมีอยู่ว่า
จะเก็บไว้ใช้จ่ายยามชรา
เพื่อรักษาบ้านเมืองเรื่องของเรา


มออออออออออออออออออออออออออ
อย่ารั้งรอจนโหรงเหรงจงเร่งเร้า
จงรักษานิยามความหูเบา
แลนิยามความโง่เง่าจงงอกงาม

พี่น้องเอ๊ยยยยยยยยยย..........

พี่น้องเอ๊ยยยยยย
อย่างที่เคยเราต้องสู้คู่เคียงฟ้า
ทุกสิ่งอย่างที่เราสร้างสมกันมา
บันทึกหน้าประวัติศาสตร์ของชาติเรา


พี่น้องเอ๊ยยยยยย
อย่าวางเฉยเพื่อชาติอย่าขลาดเขลา
จงเปิดตาเปิดใจให้หูเบา
เป็นยามเฝ้าแผ่นดินถิ่นกันดาร


พี่น้องเอ๊ยยยยยย
อย่าละเลยเรื่องเล็กน้อยอย่าปล่อยผ่าน
จับมือกันสร้างสรรพันธมาร
เพื่อกอบกู้ผู้จัดการ-เอเอสทีวี


พี่น้องเอ๊ยยยยยย
อย่าละเลยที่รวมกันในวันนี้
ทุกสิ่งหามาได้ใช่ของฟรี
ทุกสิ่งมีต้นทุนต้องจุนเจือ


พี่น้องเอ๊ยยยยยย
อย่าทำเฉยเฉี่อยชาและอย่าเบื่อ
พ่อแม่พร่ำย้ำสั่งเค็มดั่งเกลือ
อยู่อย่างเสือโก้กว่าหมาริมทาง


พี่น้องเอ๊ยยยยยย
อย่างที่เคยอย่าคิดอางขนาง
ด้วยพันธสัญญาอย่าละวาง
บริจาคกันบ้างจักเป็นบุญ


พี่น้องเอ๊ยยยยยย
เข้ามาเลยอย่าละ มาอุดหนุน
มีมากน้อยค่อยเสริมเพิ่มเป็นทุน
ไม่ขาดดุลย์งบประมาณบานบุรี


พี่น้องเอ๊ยยยยยย
อย่าเฉยเมยเช่นนั้นมันปวดฝี
กล่องเล็กใหญ่เรียงรายไว้มากมี
เชิญน้องพี่แม่พ่ออย่าพอเพียง

เฮ้ย! ไพร่
อธิปไตยมีไว้ให้พวกข้า
ผู้ปกครองป้องเมืองเนิ่นนานมา
เหล่าเสนาอำมาตย์แลผู้ดี


เฮ้ย! ไพร่
ผืนแผ่นดินอยู่ได้จวบวันนี้
เพราะอำนาจวาสนาบารมี
เป็นศักดิ์ศรีแห่งสยามนามประเทือง


เฮ้ย! ไพร่
ทรัพย์เพียงพอยาไส้สลึงเฟื้อง
สร้างถนนหนทางสร้างบ้านเมือง
ให้รุ่งเรืองเลิศหรูอลังการ


เฮ้ย! ไพร่
ต้องรับใช้ไปรับเกณฑ์เป็นทหาร
ถวายชีวีพลีสู้ผู้รุกราน
พยามารแลอำมาตย์คือชาติไทย

ประชาธิปไตย.....คำตอบจากสวรรค์

ความมืดมนอนธกาลไม่ผ่านพ้น
ค่าของความเป็นคนยังหล่นหาย
เสรีภาพแห่งปัญญาถูกท้าทาย
เสรีชนบนความหมายต่างมุมมอง


อันอำนาจอธิปไตยให้ทวยราษฎร์
ป่าวประกาศปลอบใจไพร่ทั้งผอง
เป็นประชาธิปไตยในครรลอง
จะปกครองแผ่นดินไทยให้เป็นธรรม


อ้างสามเสาเอาหลักการมาก่อร่าง
นิติบัญญัติ จัดวางไว้น่าขำ
เอาเลือกตั้ง ลากตั้ง มานั่งยำ
สร้างรอยดำรอยด่างไว้ในสภา


บริหารก็ต้องให้อยู่ในกรอบ
เราต้องชอบเป็นคำตอบจากฟากฟ้า
เป็นนายกจะอยู่ได้ ในสายตา
รับสนองบัญชาจากซาตาน


ยุติธรรมกำหนดไว้ให้อำนาจ
เพื่อแยกขาดประชาชนพ้นจากศาล
แยกองค์กรปริศนาตุลาการ
อยู่ในอุ้งมือมารแต่นานมา


แบบไทยๆ ประชาธิปไตย ได้เพียงชื่อ
ต่างยึดถือเหนี่ยวรั้งดั่งใบ้บ้า
เป็นอำนาจอธิปไตยไร้ราคา
เป็นประชาธิปไตยแต่พอเพียง


เมื่อกฎหมายหมายกดมาก่อนเก่า
จะยึดเสาหลักใดไร้สิทธิเสียง
ไพร่กู่ร้องก้องดังรอบวังเวียง
มิคู่ควรคู่เคียงกับคนจน


กัมปนาทปังปังเสียงปืนลั่น
เป็นคำตอบจากสวรรค์อันเปี่ยมล้น
ด้วยเมตา กรุณา ประชาชน
ความหลุดพ้น มอบแด่ไพร่ ใต้ฝ่าตีน

นักเลงกลอน

เขียนกี่บทกี่บาทไม่คาดหวัง
รับรู้เพียงพลังที่หลั่งไหล
เห็นกวีเสรีประชาธิปไตย
ที่เข้าใจความเจ็บช้ำแล้วกล้ำกลืน


เหมือนเป็นคนแปลกหน้ามาต่างถิ่น

ไม่คุุ้นชินความชอบชังยังเฝ้าฝืน
มิตรภาพฉาบเงาดำยามค่ำคืน
ด้วยความเป็นคนอื่นยืนเดียวดาย


ภาพมายาพาใจให้ลุ่มหลง

ทระนงว่ากูนี้มีที่หมาย
ประสมสระ พยัญชนะอันพราวพราย
ออกท้าทายทรราชอำนาจทมิฬ


ความแปลกแยกยังคงอยู่ได้รู้เห็น

มิได้เป็นสัตว์สังคมแค่ลมลิ้น
ปรารถนาพาใจให้โบยบิน
จากแผ่นดินสู่ผืนฟ้านภาลัย


เมื่อร้องร่ำรำไรไร้คำขาน

บทกวี พิกลพิการ อันก่อไว้
เริ่มปิดกั้นความคิดของจิตใจ
จะหัวร่อหรือร้องไห้ยังไม่รู้


มิอาจเขียนความคิดอันขัดข้อง

ความแปลกแยกยังต้องดำรงอยู่
แม้นความชอบความชังยังเชิดชู
ความอดสูกลับสาดซัดสุดจะทน


นักเลงกลอนต้องพักผ่อนนอนแล้วหรือ

เมื่อสิ้นสายลายสืออันสับสน
คนแปลกถิ่นเดินทางไกลไร้ผู้คน
ต้องขัดเขินเดินปะปนบนเส้นทาง


เป็นกวีเสรีชนบนทางเปลี่ยว

ต้องลัดเลี้ยวหลีกไปให้ไกลห่าง
ในสังคมกับความหวังยังเลือนลาง
กับความเชื่ออันเจือจางเริ่มจมลง

ลิเกย์ Extended Version

1) ลิเกย์หนุ่มกลุ้มใจในหน้าที่
หน่วยก้านดีผีเจาะปากลากเสียงหลง
ทั้งลีลาร่ายรำทำเป็นวง
กระเทยยกจัดส่งมาประชัน


2) เริ่มรัดเครื่องออกแขกแจกภาษา
ทำลอยหน้าลอยตาดูน่าขัน
รำหลบหลังม่านใหญ่ไปวันวัน
รำซ้ายหันขวาหันแล้วลับไป


3)
เหล่าประดาปี่พาทย์มโหรี
ก็ต่างคนต่างตีบี้กันใหญ่
ระนาดเอกอื้ออึงถึงแดนไพร
ทั้งปี่นอกปี่ในก็นัวเนีย


4)
อีกกลองทัดกลองโทนโหนจังหวะ
อารยะขัดใจให้ละเหี่ย
ทั้งตัวโกงก็ทำแผลงชอบแย่งเมีย
อีกตัวกากก็ปากเสียชอบซุกซน


5)
เปิดวิกโชว์คนก็โห่แล้วเฮไล่
พวกปากมันจัญไรก็ไม่สน
สร้างพล็อตเรื่องล้วนบัดสีแลพิกล
ดูสิวะ! ประชาชน ต้องทนดู


6)
เชิญต่างด้าวท้าวต่างแดนมาดูวิก
เขาหัวร่อต่อกระซิกเพราะอดสู
ลิเกย์เถื่อนแถไถไปข้างคู
เป็น ประ-ชา-ธิ-ปะ-ตู แด่ผู้เดียว


7) กระเทยยกยืนยันว่าอย่าหยุด
จะรำข้ามหรือรำมุดให้หวาดเสียว
ก็รำไปอย่าได้ยั้งสั่งแล้วเจียว
หากดื้อดึงนะประเดี๋ยวจะโดนดี


8) เหล่าเสนาอมาตย์ก็อาจหาญ
ออกเป่าหูทุกหมู่บ้านทุกท้องที่
ลิเกย์หนุ่มมอบน้ำใจแถมไมตรี
แจกสะตางค์ฟรีฟรีตั้งสองพัน



9) ใช้ช่วยดูช่วยดันให้ดังก้อง
ขอพ่อแม่พี่น้องโน่นนี่นั่น
ไปช่วยชมช่วยเชียร์ชเลียร์กัน
เทวะดาบนสะหวันทั่นยังชม


10)
ทั้งยายมายายมีที่บ้านนอก
เมื่อโดนหลอกร้องตะโกนว่าโดนต้ม
ลิเกย์ใหม่ใสซ่านัยน์ตาคม
มาล่อหลอกเพียงลมไม่อยากแล


11)
ขอพระเอกคนเก่าเอามาเล่น
เขาร้องรำทำให้เห็นเป็นของแท้
ทั้งปี่พาทย์วงใหญ่ไม่งอแง
ไม่เลื่อนเปื้อนเชือนแชเหมือนแม่มึง



12)
กระเทยยกก็ต้องยอมให้โยกย้าย
อายุขัยก็ใกล้ตายยังอยากหึง
จะรวบหางกินหัวชั่วตำลึง
ไม่นึกถึงคนดูกูไม่ยอม


13)
ข้างป้าแม้นยายเมียนบอกไม่รับ
จะม้วนเสื่อลากลับสู่กระท่อม
จำหักหน้าไม่ต้องมีประนีประนอม
จะหว่านล้อมอย่างไรก็ไม่ฟัง


14)
พ่อกำนันพ่อผู้ใหญ่ก็ใบ้แดก
เสื้อน้ำเงินเดินมาแจกพร้อมใบสั่ง
ลิเกย์ใหม่ทั้งจังไรและน่าชัง
จะคาดหวังว่าจะเด่นเป็นดาวเดือน


15)
คิดลอกแบบท่ารำลิเกเก่า
ยังโง่เง่ารำอย่างไรก็ไม่เหมือน
ทั้งบทร้องรุ่มร่ามออกเลอะเลือน
โยกหัวส่ายดั่งใส้เดือนบนดินดาน


16)
อพิโธ่อพิสัตว์อภิเสือก
ขอขากตุ๋ยไอเต้บเมือกทาสตะหาน
ลิเกเก่าเขาร้องรำจนชำนาญ
ถึงลอกไปก็ป่วยการไม่ได้กิน



17) ข้างนักเลงคุมวิกก็วิ่งวุ่น
บ้างเงื่องหงอยคอยลุ้นที่ปลายลิ้น
ทั้งรถเรือหลายเรื่องยันเครื่องบิน
อยากรวบทรัพย์รวมสินตอนสุดท้าย


18)
กระเทยยกยืนยันไม่ครั่นคร้าม
แม้นไฟลามหลังวิกจนฉิกหาย
ให้โลกรู้โลกเห็นตายเป็นตาย
จึงสั่งความฝูงควายให้เข้าชน


19)
ลิเกย์ใหม่ใช้โอกาสอันน้อยนิด
เข้าเบือนบิดบ่าวไพร่ให้เห็นผล
โคสะนาสามานย์พิการพิกล
ใส่ความคนสีแดงไม่ภักดี


20)
ข้างนายโรงร้อนรุ่มให้กลุ้มหนัก
ทำอย่างไรให้คนรักกันละนี่
เงินสองพันตัดใจให้ฟรีฟรี
ยังไม่มีคนรักหนักกบาล



21)
ประชาชนยิ่งช้ำกระหล่ำเน่า
เคยแต่ เอา เอา เอา จากชาวบ้าน
ทั้งอมาตย์เสนาสุขสำราญ
ทั้งนายทุนขุนตะหานเคยครองเมือง



22)
สิ้นบุญเก่าแล้วลิเกย์สารขัณฑ์
ถึงปลายลีบตีบตันตามท้องเรื่อง
กระเทยยกแห่งสยามนามประเทือง
เคยฟูเฟื่องเฟื่องฟูต้องฟูมฟาย



23)
จะดีดดิ้นก็สิ้นแรงไม่มีเหลือ
ลบลายเสือเป็นหมาน่าใจหาย
คิดว่าโอลด์โซลเย่อร์เนเว่อร์ดาย
ยังมั่นหมายหมกมุ่นจนมึนเมา


24)
โอละเห่ลิเกย์ใหม่ไม่ฟูเฟื่อง
ด่าทั้งบ้านทั้งเมืองทั้งค่ำเช้า
เสียงร้องเล่นลูกคอก็ไม่เบา
แต่ท่ารำสลับเท้าทุเรศตา



25) มโหรีปี่พาทย์ตวาดลั่น
เริ่มประชดประชันกันทั่วหน้า
ทั้งตัวกากตัวโกงเริ่มโกลา
จะขอขึ้นราคาโก่งค่าตัว



26)
แต่นายโรงยังลุ้นไม่ยอมเลิก
แล้วสั่งเบิกเงินคงคลังตั้งค่าหัว
บอกพระเอกลิเกย์ใหม่อย่าได้กลัว
หลอกพวกงัวพวกควายได้หลายเดือน



27)
แฟนลิเก เก่า-ใหม่ ไม่แฮปปี้
ว่าพระเอกคนนี้รำไม่เหมือน
ทั้งท่วงทีท่าทางก็ลางเลือน
ชอบบิดเบือนท่ารำกำมะลอ



28)
พระเอกใหม่ไม่สนใจใครทั้งนั้น
จะชอบกันเกลียดกัน ฉันไม่ง้อ
ฉันร้องดีร้องเด่นเล่นลูกคอ
หน้าตารึก็หล่อไม่เป็นรอง



29)
อันท่าทางเก้งก้างอย่างที่เห็น
เพราะว่าเป็นแบบฝรั่ง แซ่มังฆ้อง
เป็นลิเกย์รุ่นใหม่คนหมายปอง
ว่าเป็นหนึ่งไม่มีสองเทพสั่งมา



30)
แล้วร้องเลยเลื่อนเปื้อนถึงเพื่อนบ้าน
ทำท่ายักษ์ท่ามารเหมือนคนบ้า
ร้องเพลงเสือกเพลงแส่อวดศักดา
ถือตัวว่าเป็นหัวหน้าแห่งลิเกย์



31)
ฝ่ายเพื่อนบ้านเก็บอาการไว้ในอก
ยอมเปิดหน้าให้ชกแล้วยิ้มเผล่
แล้วสวนศอกเข้าใส่ไม่ลังเล
พระเอกล้มลงเปลป่วยอีกนาน



32)
เรื่องบ้านใครบ้านใครอย่าได้เสือก
ตัวไม่ได้รับเลือกจากชาวบ้าน
ปล้นตำแหน่งพระเอกมาวิชามาร
ให้ทหารกระเทยยกมาค้ำยัน



33) มึงไม่ใช่พระเอกแท้อย่าแส่ส่าย
มาออกลายลบหลู่กูรึนั่น
ที่มึงเล่นลิเกย์อยู่กูรู้ทัน
เขารู้กันทั่วไปมันไม่จริง



34)
พระเอกใหม่ช้ำใจไร้ทางสู้
แต่รำหลอกคนดูไม่อยู่นิ่ง
เริ่มงกๆเงิ่นๆเดินเหมือนลิง
แล้วหลบพักพึ่งพิงริมกำแพง



35)
จะหวังยื้อยืดอายุสักระยะ
ใบหน้าก็ตกกระเป็นแห่งๆ
จะเดินไปไม่ได้ทั่วกลัวสีแดง
อีกสีเหลืองก็ร้อนแรงเริ่มรุกราน



36)
จะพึ่งสีน้ำเงินเดินนำหน้า
ก็ต้องเลี้ยงข้าวปลาและอาหาร
มันช่างกินจุนักดั่งยักษ์มาร
แถมกินเล่นไม่เว้นวารทุกเวลา



37)
จะพึ่งพี่สีเขียวก็เสียวหลัง
พี่ก็ขูดจนหมดคลังยังต่อว่า
งบประมาณงบประเมิณเกินราคา
ก็จะหาทางกู้อีกซักกอง



38)
กระเทยยกยืนยันเป็นมั่นเหมาะ
ว่าจะเสาะเสวงหาอย่าหม่นหมอง
จะกู้เงินกู้เพชรหรือกู้ทอง
หนูไม่ต้องเป็นห่วงยอดดวงใจ



39)
มีดอกบัวบานอ้าท้าลมฝน
ประชาชาติประชาชนทนไม่ไหว
ช่วยเลาะกลีบเกสรก่อนจากไป
เหลือเพียงก้านกับใบอยู่ในบึง


40)
เหลือรากบัวก้านใบไร้ปัญหา
เพราะล้วนมีคุณค่าอย่างสุดซึ้ง
มีหลายพันหมื่นแสนล้านตำลึง
เป็นที่พึ่งที่พักพิงทุกเพลา



41) อันดอกเบี้ยดอกหอยก็น้อยนิด
ไม่ต้องคิดแคะไค้มันไร้ค่า
ขยายวิกลิเกย์ใหม่ให้ลือชา
แฟนลิเกย์คงจะมากันมากมาย


42)
จงสร้างแฟนลิเกย์ใหม่อย่าได้ช้า
ลิเกเก่าไร้ค่าหมดความหมาย
ถึงแฟนเก่าเขาสงสารแลเสียดาย
ฉากสุดท้ายเขาคงมาหาเราเอง



43)
ลิเกย์ใหม่ได้ฟังก็เริ่มฝัน
ว่าสักวัน สักวัน ฉันต้องเก่ง
มโหฬารมโหรีที่บรรเลง
เราจะเริ่มร้องเพลง จากยอดดอย


44)
ทั้งยายแม้นยายเมี้ยนมายืนด่า
ทั้งยายมากปากปลาร้าเป็นต่อยหอย
จึงซัดใส่ไม่ต้องคิดประดิดประดอย
อีกลุงมีอีน้อยมาร่วมวง



45)
ทั้งไอ้ผาดไอ้ผันกำนันเล็ก
ลาวฝาหรั่งแขกเจ๊กเข้ายุส่ง
อีกชาวไร่ปลายนาชาวป่าดง
เข้าร่วมวงขับไล่วิกลิเกย์



46)
จนแฟนแฟนทั้งสองฝ่ายต่างส่ายหน้า
แก่กะโหลกกะลามาทำเท่
จะยึด สิทธิ-เสียงกูไป ไม่โอ.เค.
อ้างลมพัดลมเพเพื่อฟากฟ้า



47)
เหล่าปี่พาทย์ ระนาดกลอง ก่อกบฏ
เร่งจังหวะตีประชดชิงนำหน้า
พระเอกรำหลงทางกลางพนา
แล้วหมุนซ้ายหมุนขวาหาทางไป



48)
ทั้งฉิ่งฉับกรับกลองประลองยุทธ
ผู้กำกับรีบรุดเข้าแก้ไข
ปลอบประโลมมโหรีให้มีใจ
ยื้อพระเอกลิเกย์ใหม่ให้นานๆ



49) มโหรีเห็นทีขี่แพะไล่
ที่รับคำกันไว้หลายวันผ่าน
ทั้งค่าแรงเบี้ยเลี้ยงอลังการ
เป็นมูลค่ามหาศาลบานบุรี


50)
ผู้กำกับขยับเหงือกน้ำเมือกลื่น
ช่วยหวานอมขมกลืนกันเถิดพี่
ท้องพระคลังตื้นเขินเงินไม่มี
ขอขัดกลอนผ่อนหนี้อีกสักนิด


51)
หัวหน้าหมู่มโหรีนามยี้ห้อย
ขยับด่าว่า หนอย..! ไอ้ปาราสิต
หากจะให้มโหรีมีชีวิต
ก็ต้องคิดโครงการเอากำไร


52)
คิดไม่เป็นอย่าป้องปัดหรือขัดขวาง
จะพูดอย่างทำอย่างยังไงไหว
เป็นพระเอกลิเกย์ก็รำไป
อย่ามาคลุกวงในมันไม่งาม



53)
ผู้กำกับรับคำน้ำเมือกหยด
หน้าสลดรับคำครั้งที่สาม
แล้วรับว่าข้าน้อยจะคอยตาม
เรื่องโครงการจะสอบถามให้ทันควัน



54)
ผู้กำกับรับงานแล้วสานต่อ
ปรึกษาแม่ปรึกษาพ่อบนสวรรค์
จะสั่งตายสั่งเป็นคงเห็นกัน
แข้งขาสั่นเสียวสยองยะเยือกเย็น



55)
แม่สั่งว่าฆ่าหนามอย่าไว้หน่อ
เมื่อตัดไม้อย่าไว้ตอให้พ่อเห็น
อนาคตจะยุ่งยาก ลำบากลำเค็ญ
คิดให้เป็นแล้วไป ปฏิบัติการ



56)
พลันสิงสาราสัตว์เข้าสมสู่
คึกคะนองร้องกู่ก้องประสาน
ตอแหลแลนด์แดนดินถิ่นวิมาน
สร้างตำนาน วิกลิเกย์ อันเกรียงไกร


57)ยี่เกย์หนุ่มนักเรียนนอกก็เริ่มหนาว
จะพักยกชั่วคราวคงมิได้
ทั้งแม่พ่อก็เร่งเร้าเอาแต่ใจ
กระเทยยกขาใหญ่ก็ย่ำยี



58)
ยี่เกย์หนุ่มกลุ้มใจจนไข้จับ
จะหันกลับหลังไปก็ใช่ที่
ด้วยนายโรงร้อนรุ่มกลุ้มฤดี
อยากแสดงสักสองปีจะจากจร



59)
ด้วยกังวลจนแต้มต้องรำต่อ
เสียงลูกคอคลุ้มคลั่งดั่งหมาหอน
มโหรีก็เร่งเร้าใจรอนๆ
ระนาดแข็งระนาดอ่อนยังนัวเนีย


60)
แลฆ้องวงก็ขึ้งเคียดด้วยความแค้น
ด้วยป้าแก่นแม่มันนั้นเพิ่งเสีย
ทั้งตัวโกงมาเกาะแกะแทะโลมเลีย
ซ้ำนังเมียเริ่มมัวเมาอยากเอาดี


61)
แสนอนาถอนาถานิจจาเอ๋ย
แต่ก่อนแต่ไรไม่เคยเป็นอย่างนี้
ตัวละคอนล้วนระยำขั้นอัปรีย์
จะลูกหนีก็กลัวใจ ไม่ได้ตังค์



62)
ทั้งมือฉิ่งมือฉาบฉวัดเฉวียน
แกล้งทำเนียนพระเอกใหม่ให้คลุ้มคลั่ง
ระนาดเอกแกล้งอ้อยอิ่งนิ่งรอฟัง
บอกจะรอขอใบสั่งไม่ส่งมา


63)
ลิเกย์หนุ่มกลุ้มใจจนไข้หด
รำประชดชายแดนแห่งแว่นฟ้า
มโหรีมิส่ง รับ ตามตำรา
วิกลิเกย์อมาตยาเริ่มโยกคลอน



64)
อำมาตย์ใหญ่ได้มุข มาโปรโหมด
จะข่มขู่คาดโทษเอาไว้ก่อน
หากชาวไพร่ปันใจให้ละคร
โทษนั้นถึงม้วยมรณ์ สิบชั่วคน



65) จึงบัญชาเสนาทั้งน้อยใหญ่
ศาสตราวุธชุดใหญ่ในเวหน
รวมรถเกราะรถถังกำลังพล
ทั้งเรือบินรถยนต์ลาดตระเวน



66) กวาดต้อนไปพวกไพร่แผ่นดินนี้
หากหลบลี้หนีไปอย่าให้เห็น
จักจองจำจนถ้วนทั่วตัวเป็นๆ
ให้ลำเค็ญอยู่ในคุกจึงจะควร



67) มาเข้าวิกโดยไวอย่าได้ช้า
เรียงเข้ามาแยกชั้นกั้นสัดส่วน
จงสงบ สันติ ตามขบวน
แล้วห้ามป่วน จะโดนปราบให้หลาบจำ



68) มีลิเกย์ให้ดูอยู่นิ่งๆ
ห้ามติติงใดๆให้บอบช้ำ
ลิเกย์ดีมีคุณค่าทุกๆคำ
แล้วจงนำกลับไปใส่กระบาล



69) ถึงบทโศกก็ต้องเศร้าแลสลด
ทำไปดามกำหนดกฎทหาร
ห้ามหัวเราะเร่อร่าน่ารำคาญ
จะเสื่อมเกียรติเสียการแห่งลิเกย์



70) ต้องเคร่งครัดจัดระเบียบปฏิรูป
ต้องจุดธูปสาบานไม่หันเห
ต้องจงรักไม่เรรวนไม่รวนเร
สั่งไอ้เหล่รับบัญชาหัวหน้ายาม



71) ทั่วถิ่นแคว้นเขาเป็นแฟนลิเกเก่า
จึงรุกเร้าร้องเรียนเฝ้าเพียรถาม
จักคอยวันคอยเวลาที่ฟ้างาม
ยังตามติดติดตามตลอดมา



72) ลิเกย์ใหม่บ่าวไพร่ก็ไม่ปลื้ม
ยังไม่ลืมลิเกเก่าเฝ้าเรียกหา
จึงเกิดการณ์ สั่นสะท้านทั่วพารา
ตะโกนว่า เหี้ยสั่งฆ่า ประชาชน

.................................................................

ฤดูสร้างภาพ

จะสร้างภาพเพื่ออะไร? ในวันนี้
อวดคุณงามความดี ยังมีหรือ?
อ้างบุญคุณ บุญใคร? เคยร่ำลือ
ยังยอมรับนับถือ หรือสาปแล้ว?

จะสร้างภาพเพียงผู้คนต้องคำนับ
ภาพความคิดติดกับในกรงแก้ว
เพ้อว่าภาพยังงดงามวามวับแวว
ยังแน่แน่วสนิทแน่นในแก่นกาม

จะสร้างภาพกลับผิดเพี้ยนเพราะผู้สร้าง
คำอวดอ้างเก่าก่อนย้อนมาถาม
สิ่งใดหรือ? ที่ว่าดี ที่ว่างาม
ความเลวทราม คนทำรู้อยู่แก่ใจ

จะสร้างภาพถึงเพียงไหน คงไม่ฟื้น
จะภาพนั่งภาพยืน ภาพเล็ก-ใหญ่
ทุกภาพเห็นเป็นจุดเริ่มเติมเชื้อไฟ
เผาทาสไพร่ให้สิ้น แผ่นดินทอง?

จะสร้างภาพผืนใหม่ให้ประเทศ
บนความทุกข์เทวษไททั้งผอง
พิบัติภัยต้องใช้ทรัพย์ที่สำรอง
ญาติพี่น้องต้องรั้งรอขอแบ่งปัน

ทุ่มเททรัพย์ภาษีเพื่อสร้างภาพ
อนิจจามหากาพย์ความกระสัน
ชีวิตคนคงอยู่ได้ไม่นานวัน
ชีวิตชาติยังคงมั่นนิรันดร

พรภาคบังคับ

ประชาชนจงเป็นสุขและสงบ
ต้องเคารพนบน้อมยอมกราบไหว้
จะดีแท้ดีจริงหรือจัญไร
ต้องทำใจให้เป็นตามบุญกรรม

จงอภัยให้ฆาตกรโหด
จงยกโทษทั้งปวงที่ล่วงล้ำ
จงอภัยให้ทุกคนที่กระทำ
จงอภัยอย่าได้จำมาใส่ใจ

ลืมเสียเถิดที่เขาเข้ากระชับ
ลืมว่าชีวิตดับลืมจงได้
ลืมว่าเจ็บเจียนตายอีกเท่าไร
ลืมว่าญาติร่ำไห้อีกกี่คน

อภัยเสียอโหสิทุกๆสิ่ง
อภัยที่เขามายิงกลางถนน
อภัยเถิดไพร่ฟ้าประชาชน
อภัยเถิดแล้วจำทนทุกขเวทนา

จงปล่อยให้ปีศาจเสวยสุข
ละความทุกข์ทิ้งไปมันไร้ค่า
ฆาตกรซ่อนตัวทั่วพารา
ก็จงอย่าเอาความ ไม่สมควร

ขออภัยให้กลับมารับรัก
จงตระหนักว่าเมืองนี้คนดีล้วน
ประเทศไทยจักก้าวไปไม่เรรวน
ตามกระบวนยุติ-ธรรม กรรมของมึง